เคล็ด(ไม่)ลับขจัดฝ้า คืนความมั่นใจให้หน้าเนียนใสอีกครั้ง

ศูนย์ : ศูนย์ผิวหนังและความงาม

บทความโดย : พญ. ศิเรมอร ทองสิมา

เคล็ด(ไม่)ลับขจัดฝ้า คืนความมั่นใจให้หน้าเนียนใสอีกครั้ง

ปัญหาหนักใจของสาวๆ คือการเกิดฝ้าบนใบหน้า โดยเกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง หรือเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ โดยมักจะขึ้นเป็นวงเล็กๆ สีน้ำตาลก่อน แล้วถ้าไม่หาทางหยุดฝ้า หรือป้องกัน ก็จะค่อยๆ ขยายเป็นปื้นและฝังลึกลงไปในเซลล์ผิว โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม เมื่อเป็นฝ้าแล้วต้องใช้ระยะเวลาการรักษาค่อนข้างนานและมักกลับมาเป็นซ้ำ แต่ด้วยเทคโนโลยีการรักษาผิวที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน การรักษาฝ้าสามารถกลับมาหน้าเรียบเนียน สดใสเหมือนเดิม โดยได้ผล อยู่คงทนขึ้น โอกาสเป็นซ้ำน้อยลงกว่าเดิม


รู้เรื่อง "ฝ้า"

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้าบนใบหน้า มาจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือยูวีจากแสงแดด เพราะแสงแดดเข้ากระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินซึ่งมีหน้าที่กรองรังสี UV เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย จึงเกิดเป็นฝ้าในที่สุด และนอกจากแสงแดดแล้ว เรื่องของการใช้เครื่องสำอางบางชนิด การทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด รวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน


วิธีรักษาฝ้า

  1. ป้องกันแสงแดด เพราะรังสียูวีจากแสงแดดคือตัวการสำคัญ ดังนั้นต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันทั้ง UVA และ UVB และมีค่า SPF มากกว่า 30 ขึ้นไป รวมถึงต้องมีค่า PA มากกว่า 2+ ขึ้นไป ทั้งนี้สาวๆ ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไปจนไม่ทั่วถึง และควรทาซ้ำทุก 2 ชม. หากออกแดดจัดหือทาตอนกลางวันเพิ่มในชีวิตประจำวัน
  2. อาหารที่มีวิตามิน A, C, E ต้านอนุมูลอิสระ การดูแลสุขภาพผิวจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี เช่น ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม ส่วนผักก็ได้แก่ ผักบุ้ง บรอกโคลี ผักขม จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ป้องกันไม่ให้ฝ้าลุกลามไปมากกว่านี้
  3. การทาครีมบำรุง การทาครีมบำรุงที่มีส่วนช่วยในการรักษาฝ้านั้น โดยมีส่วนผสมของ วิตามินซี กรดโคจิก และ สาร AHA จะทำให้ผิวหน้าดูขาวกระจ่างใสขึ้น ฝ้าบนผิวหน้าแลดูจางลง ซึ่งการทาครีมบำรุงเป็นวิธีที่ต้องใช้ความสม่ำเสมอและอาจต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรจึงจะเห็นผล
  4. รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ นอกจากการทานอาหาร หรือการใช้ครีมบำรุงแล้ว สาวๆ อาจอยากทดลองบำรุงรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ด้วยการใช้มะขามเปียกมาทาหรือพอกบางๆ บริเวณที่เป็นฝ้า พอกทิ้งไว้เพียง 3-5 นาที แล้วล้างออก จะช่วยลดรอยด่างดำ ช่วยผลัดเซลล์ผิว และยังทำให้หน้าดูขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายการใช้สารสกัด AHA แต่อาจจะไม่สะดวก
  5. ลดฝ้าด้วยวิธีผลไม้ หรือ AHA (Alpha Hydroxy Acid) เป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด ที่สกัดจากผลไม้ธรรมชาติ เช่น กรดซิตริกจากมะนาว ส้ม และส้มโอ กรดมัลลิกจาก แอปเปิ้ล กรดไกลโคลิกจากอ้อย กรดแล็กติกจากนมเปรี้ยว กรดทาร์ทาลิกจากมะขาม และไวน์ โดยเราใช้กรด AHA เหล่านี้ ในการขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป เพื่อเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้ขึ้นมาแทนที่ จึงทำให้ฝ้าบนผิวหน้าแลดูจางลง ทั้งนี้การลดฝ้าด้วยวิธีนี้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ เพื่อประสิทธิภาพที่ดี
  6. รักษาด้วยการเลเซอร์ Super SR Applicator เป็นฟังก์ชั่นของเทคโนโลยีสุดทันสมัยอย่าง eLos Plus Super Triniti ที่จะมาฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง โดยปล่อยพลังงานแสงความเข้มสูง (IPL) ที่มีความยาวคลื่น 580-980 นาโนเมตร ทำงานร่วมกับคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) เพื่อทำลายเม็ดสีที่มีความผิดปกติ ช่วยให้ฝ้าจางลง รวมทั้งยังช่วยแก้ปัญหาที่เกิดความผิดปกติของเส้นเลือดบนใบหน้า เช่น รอยแดง รอยแดงจากสิว มีเส้นเลือดฝอยผิดปกติ เป็นต้น ในระยะแรกของการรักษาแนะนำให้ทำติดต่อกันประมาณ 3-5 ครั้ง ทุก 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ทั้งนี้ การรักษาฝ้าเป็นการดูแลและปกป้องผิวในระยะยาว แนวทางที่ได้ผลที่ดีสุด คือ เลี่ยงไม่ให้เกิดฝ้า ด้วยการการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่ต้องออกไปนอกบ้าน และหากจำเป็นต้องได้รับหัตถการในการดูแลผิวด้วยเลเซอร์ ก็จำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่ดูแลด้านปัญหาผิวพรรณโดยเฉพาะ


Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย